เมืองไชยบุรี อยู่ในตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เดิมชื่อ "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" อยู่ในเขตการปกครองของเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยนั้น ประวัติของเมืองไชยบุรี มีอยู่ว่าท้าวหม้อและนางสุนันทา เป็นหัวหน้าไทยใหญ่ ได้พาบุตรและบ่าวไพร่ อพยพลงมาตามแม่น้ำโขง จึงได้สร้างเมืองขึ้น และตั้งชื่อว่า “เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี” ขึ้นตรงต่อเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งขณะนั้นเวียงจันทน์ขึ้นตรงต่อประเทศไทย
ต่อมาภายหลังจึงเรียกว่าอำเภอบึงกาฬ อยู่ในจังหวัดหนองคาย เนื่องจากราชวงศ์แสน มาจากยโสธร ได้นำเอาประเพณี บุญบั้งไฟมาด้วย จึงทำให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน งานบุญบั้งไฟนี้เป็นงานที่จัดเพื่อจุดบั้งไฟถวายพญาแถน เพื่อขอฝนให้ตกลงมาถูกต้องตามฤดูกาล ความเชื่อถือเดิมนั้น พี่น้องชาวไชยบุรีเชื่อว่า ถ้าไม่จัดงานบุญบั้งไฟแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าในปีนั้นจะมีน้ำพอที่จะทำนาได้ และถือว่าเป็นงานสำคัญทางศาสนาในท้องถิ่นที่แฝงไว้ด้วยความหมายในทางขอฝนเทวดา เพื่อการกสิกรรม ทำไร่ ทำนา จึงได้ถือเอาวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ของทุกปี เพื่อจัดกิจกรรมประเพณีบุญบั้งไฟขึ้น ดังกล่าว
ต่อมาได้เปลี่ยนเขตการปกครองมาอยู่ในเขตของอำเภอท่าอุเทน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ตำบลไชยบุรี" จนถึงปัจจุบัน ประกอบไปด้วย ๑๖ หมู่บ้าน ประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษาไทยอีสาน นับถือศาสนาพุทธ
ตำบลไชยบุรีมีชื่อเดิมตามศิลาจารึกว่า "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีชัยชนะและอุดมสมบูรณ์ ที่ได้ชื่ออย่างนี้ก็เพราะว่า ในสมัยที่ตั้งเมืองนั้นมีการทำสงครามระหว่างกรุงเทพฯ - เมืองเวียงจันทน์ - ญวนอยู่บ่อยๆ สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้นเล่ากันว่า
ไชยบุรีเป็นเมืองที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อย่างอุดมสมบูรณ์เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำสงครามจึงจับปลา ได้อย่างสะดวก และไม่ได้พูดเกินความจริงเลยว่า สมัยเมื่อ ๔๐ - ๕๐ ปีที่ผ่านมา ปลาในแม่น้ำโขงแม่น้ำสงครามมีมาก ขนาดที่เพียงแต่พายเรือเลียบไปตาม ริมฝั่งน้ำในเวลา ประมาณ ๑ ทุ่มเป็นต้นไปโดยพายไปเบาๆ พอไปถึงจุดใดจุดหนึ่งแล้วก็กระทึบเรือ หรือขย่มเรือให้มีเสียงดังก็มีปลา (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาสร้อย) ตกใจแล้วกระโดดเข้าไปในเรือเองเป็นจำนวนมาก ทำอย่างนี้ไปประมาณ ๑ ชั่วโมงเท่านั้นก็ได้ปลาไปแจกญาติพี่น้องแล้ว...
ในสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ ท้าวหม้อกลัวภัยจึงอพยพพาครอบครัวบ่าวไพร่หนีไปเมืองปุงลิง เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี จึงเป็นเมืองร้าง ต่อมารัชกาลที่ 3 ได้มีท้องตราราชสีห์แต่งตั้งให้ ราชวงศ์เสนซึ่งเป็นตระกูล “เสนจันทร์ฒิไชย” ในปัจจุบันมาเป็นไชยราชวงษา ปกครองเมือง “ไชยสุทธิ์อุตมบุรี” ในหลายปีต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองไชยบุรี และยกฐานะเป็นอำเภอไชยบุรี เมื่อ พ.ศ.2450 ยุบอำเภอไชยบุรีเป็นตำบลไชยบุรี ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งในเขตอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แล้วไปตั้งตำบลบึงกาฬเป็นอำเภอไชยบุรี
ต่อมาภายหลังจึงเรียกว่าอำเภอบึงกาฬ อยู่ในจังหวัดหนองคาย เนื่องจากราชวงศ์แสน มาจากยโสธร ได้นำเอาประเพณี บุญบั้งไฟมาด้วย จึงทำให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน งานบุญบั้งไฟนี้เป็นงานที่จัดเพื่อจุดบั้งไฟถวายพญาแถน เพื่อขอฝนให้ตกลงมาถูกต้องตามฤดูกาล ความเชื่อถือเดิมนั้น พี่น้องชาวไชยบุรีเชื่อว่า ถ้าไม่จัดงานบุญบั้งไฟแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าในปีนั้นจะมีน้ำพอที่จะทำนาได้ และถือว่าเป็นงานสำคัญทางศาสนาในท้องถิ่นที่แฝงไว้ด้วยความหมายในทางขอฝนเทวดา เพื่อการกสิกรรม ทำไร่ ทำนา จึงได้ถือเอาวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ของทุกปี เพื่อจัดกิจกรรมประเพณีบุญบั้งไฟขึ้น ดังกล่าว
ต่อมาได้เปลี่ยนเขตการปกครองมาอยู่ในเขตของอำเภอท่าอุเทน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ตำบลไชยบุรี" จนถึงปัจจุบัน ประกอบไปด้วย ๑๖ หมู่บ้าน ประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษาไทยอีสาน นับถือศาสนาพุทธ
ตำบลไชยบุรีมีชื่อเดิมตามศิลาจารึกว่า "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีชัยชนะและอุดมสมบูรณ์ ที่ได้ชื่ออย่างนี้ก็เพราะว่า ในสมัยที่ตั้งเมืองนั้นมีการทำสงครามระหว่างกรุงเทพฯ - เมืองเวียงจันทน์ - ญวนอยู่บ่อยๆ สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้นเล่ากันว่า
ไชยบุรีเป็นเมืองที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อย่างอุดมสมบูรณ์เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำสงครามจึงจับปลา ได้อย่างสะดวก และไม่ได้พูดเกินความจริงเลยว่า สมัยเมื่อ ๔๐ - ๕๐ ปีที่ผ่านมา ปลาในแม่น้ำโขงแม่น้ำสงครามมีมาก ขนาดที่เพียงแต่พายเรือเลียบไปตาม ริมฝั่งน้ำในเวลา ประมาณ ๑ ทุ่มเป็นต้นไปโดยพายไปเบาๆ พอไปถึงจุดใดจุดหนึ่งแล้วก็กระทึบเรือ หรือขย่มเรือให้มีเสียงดังก็มีปลา (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาสร้อย) ตกใจแล้วกระโดดเข้าไปในเรือเองเป็นจำนวนมาก ทำอย่างนี้ไปประมาณ ๑ ชั่วโมงเท่านั้นก็ได้ปลาไปแจกญาติพี่น้องแล้ว...
เป็นเมืองที่น่าอยู่และสงบ
ตอบลบเป็นเรื่องจริงครับ
ตอบลบ